วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

19 กรกฏาคม 2016

เวลาที่ผมขับรถผ่านเข้าอุโมงค์ เด็กๆก็จะบอกให้กลั้นหายใจว่าใครจะกลั้นได้นานที่สุด หรืออย่างน้อยกลั้นจนพ้นไปถึงปากอุโมงค์อีกด้านหนึ่ง

ชีวิตของเราในโลกนี้ก็เช่นกันเมื่อจากฟากโลกนี้ไปสู่โลกหน้าก็คงจะเป็นเช่นนั้น ลูกของพระผู้สร้างก็เช่นกันเราบอกราตรีสวัสดิ์จากโลกนี้แล้วก็พระผู้สร้างจะทักอรุณสวัสดิ์กับเราอีกฟากหนึ่ง

พญ. Elizabeth Kübler-Ross อธิบายว่าช่วงสุดท้ายของคนที่จะสิ้นชีวิตนั้น จะมีปฎิกิริยาขั้นตอนหลายรูปแบบ
1. แบบช๊อค ตกใจ "โอ้พระเจ้าช่วยด้วย"
2.แบบไม่ยอมรับความจริง "มันเป็นไปไม่ได้"
3.แบบโกรธ "ทำไมจะต้องเป็นฉัน"
4.แบบต่อรอง "ได้โปรดเถิดพระเจ้า ขออย่าให้ข้าพเจ้าตายเลย จะให้ทำอะไรก็ยอม"
5.แบบหมดอาลัยตายอยาก "มันจบแล้ว ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม"
6. แบบทดสอบ "ฉันจะทำอะไรดีให้คุ้มค่า ที่ก่อนที่ฉันจะตาย"
7. แบบปลงตก "จะสู้ไปทำไมยังไงๆก็หนีความตายไปไม่พ้นสักคน"

ความจริงก็คือว่า ทันทีที่เราเกิดมาในโลกนี้ นาฬิกาชีวิตก็เริ่มนับถอยหลังแล้ว เมื่อเรายังเป็นเด็ก วัยหนุ่มสาว เราไม่ค่อยจะคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เราสนุกสนาน สดชื่นรื่นเริง ยุ่งวุ่นวายกับการเรียน การทำงาน ความตายก็เป็นเรื่องไม่อยากคิดถึงมัน

เราก็เป็นเหมือนกับถ้อยคำที่เขาสลักบนหินหลุมฝังศพของคนที่ไม่คิดว่าจะเสียชีวิตอย่างกระทันหันว่า "ข้าพเจ้ารู้ว่าสักวันต้องตาย แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้"

ยิ่งเรามีอายุกันมากขึ้นทุกวันๆ เวลาที่เราเหลืออยู่ในโลกก็น้อยกว่าเวลาที่เราผ่านเข้ามาในโลกนี้แล้วเข้าทุกทีทุกวันๆ เราก็จะอธิษฐานเหมือนที่พระธรรมสดุดีบทที่ 90 ข้อที่ 12 ที่บอกว่า
"ขอทรงสอนข้าพระองค์ทั้งหลายให้นับวันคืนของตน เพื่อจะได้มีจิตใจที่กอปรด้วยสติปัญญา"

มีบางคนถามท่านอาจารย์ Charles Spurgeon ว่าท่านจะมีพระคุณที่จะอยู่ในยามวัยชราไหม ท่านอาจารย์ Charles Spurgeon ก็ตอบว่า "ตอนนี้ยังไม่มีแต่วันที่ฉันต้องการพระคุณ พระองค์จะประทานให้เอง"

พระคุณของพระผู้สร้างที่คุณได้รับความรอดนี้ ก็เป็นพระคุณที่จะดำรงคงมั่นอยู่กับคุณไปตลอดวันคืนชีวิตของคุณ จนผ่านพ้นจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้าของพระองค์

(ตอน 2)

มีเพลงคันทีร์อมตะเพลงหนึ่งที่ร้องว่า "ใครๆก็อยากไปสวรรค์ แต่ไม่มีใครอยากจะตาย

" ทำไม บางที เป็นเพราะว่าเราไม่แน่ใจว่าเราพร้อมที่จะไป แท้จริงเราสามารถเตรียมพร้อมที่จะไปสวรรค์ได้ทุกเวลา

1. เตรียมพร้อมฝ่ายจิตวิญญาณ องค์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้สิ้นพระชนม์แล้วฟื้นขึ้นมาจากความตายที่เราฉลองวันอีสเตอร์กันทุกๆปีนั้น ได้กล่าวไว้ว่า อำนาจของความตายไม่มีในคนของพระองค์

“เราคือผู้ที่ทำให้คนเป็นขึ้นจากตายและให้ชีวิตแก่เขา ผู้ที่เชื่อในเราจะมีชีวิตอยู่แม้ว่าเขาตายไป และไม่ว่าใครที่มีชีวิตอยู่และเชื่อในเราจะไม่ตายเลย.." ยน.11.25

2. เตรียมพร้อมฝ่ายความผูกพันธ์ ด้วยความรัก ความห่วงใยคนรอบข้างของเรา ยกโทษให้ทุกๆคนที่ทำให้เราเจ็บ หาทางคืนดี ขอโทษคนที่คุณไปทำให้เขาเจ็บ

"เมื่อท่านยืนอธิษฐาน จงให้อภัยคนที่ท่านไม่พอใจ เพื่อพระบิดาของท่านในสวรรค์จะทรงอภัยบาปของท่าน" มก.1125


3. เตรียมพร้อมด้านการธุรกรรม องค์พระเยซูคริสต์เจ้าเอง ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ ก็ได้มอบการดูแลมารดาของพระองค์ให้สาวกคนใกล้ชิดดูแล ผู้ดูแลที่ดีจะจัดการเรื่องมรดกทัรพย์สิน พินัยกรรมทุกอย่างให้เรียบร้อย พิธีกรรมในการจัดงานศพ ฯลฯ

ดูแล้วก็ไม่ค่อยจะเป็นเรื่องที่น่าคุยสักเท่าไร แต่สิ่งนี้คือความรับผิดชอบฝ่ายจิตวิญญาณของเราที่จะต้องเตรียมตัวไว้

ท่านอาจารย์เปาโล ได้บอกไว้ว่า " ข้าพ‌เจ้า​ลำ‌บาก​ใจ​ระหว่าง​สอง​ฝ่าย​นี้ คือ​ว่า ข้าพ‌เจ้า​มี​ความ​ปรารถ‌นา​จะ​จาก​ไป​เพื่อ​อยู่​กับ​พระ‍คริสต์ ซึ่ง​ประ‌เสริฐ​กว่า​มาก​นัก " ฟป.1.23

ทำไมท่านอาจารย์เปาโลกล่าวว่า จาก​ไป​เพื่อ​อยู่​กับ​พระ‍คริสต์ ซึ่ง​ประ‌เสริฐ​กว่า​มาก​นัก

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้สำแดงนำท่านไปเห็นสวรรค์แล้วหน่อยหนึ่ง ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

กษัตริย์ดาวิดก็คงมีประสบการณ์เช่นเดียวกัน จนได้เขียนไว้ในพระธรรมสดุดีบทที่ 16 ข้อที่ 11 กล่าวว่า"พระ‍องค์​ทรง​สำแดง​วิถี​แห่ง​ชีวิต​แก่​ข้า‍พระ‍องค์ต่อ‍พระ‍พักตร์​พระ‍องค์​มี​ความ​ยินดี​เปี่ยม‍ล้นใน​พระ‍หัตถ์​ขวา​ของ​พระ‍องค์​มี​ความ​เพลิด‍เพลิน​อยู่​เป็น​นิตย์"

ขอพระผู้เป็นเจ้าเจ้าแห่งชีวิตสรรพสิ่ง สรรพสัตว์ อวยพระพรทุกๆท่านในวันนี้นะครับ
ทัศนพงศ์ ล.สุวรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น