พระธรรมเอเฟซัสบทที่4 ข้อที่ 25
การพูดความจริงนั้นฟังดูก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเย็นอะไร แต่มี 3 ขั้นตอน
1. ในการพูดการจา เมื่อใครก็ตามถูกพบว่ามีการโกหก ทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจต่อคนนั้นลดลง เช่นสามี หรือ ภรรยา ถูกจับได้ว่าโกหกกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง เรื่องปัญหาในครอบครัว
ตราบใดที่ชีวิตสมรสยึดมั่นความจริงต่อกันและกันด้วยความรัก ตราบนั้นก็จะเกิดความมั่นคงเข้มแข็งต่อเขาทั้งสอง(อฟ.4.15)
2. ในนิสัยใจคอและการกระทำ ความสัตย์ซื่อคือกุญแจแห่งชีวิตที่เป็นตัวจริงของจริง ทุกวันนี้สังคมทุกระดับชนชั้นเราต่างสวมหน้ากากเข้าหากัน ไม่มีความจริงใจต่อกัน(ลก.16.10)
เราจะเป็นคนจริงแท้ได้โดยการรักษาคำพูดของเรา ถ้าหากเราได้ให้คำมั่นสัญญาอะไรไว้ให้กับใคร เราก็จะต้องรักษาคำพูดนั้น ปฎิบัติตามนั้นอย่างจริงจัง ให้ดีที่สุด
ถึงแม้ว่าในบางครั้งเราอาจจะต้องยอมเสียสละ ยอมละทิ้ง สูญเสียบางสิ่งบางอย่าง เราก็ต้องยอมเพื่อที่จะเป็นคนรักษาคำพูดของเราไว้ให้มั่น
3. ในความเป็นจริง ทำไมการพูดความจริงจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในความสัมพันธ์ชีวิตของคนเรานั้นมันขึ้นอยู่กับการไว้วางใจซึ่งกันและกัน มิฉะนั้นแล้ว
ก. เราจะเป็นคนที่ไว้ใจอะไรแก่ใครไม่ได้เลย ชีวิตไม่มีผลดีใดๆแก่ใครได้เลย
ข. เรามีชีวิตที่ทำอะไรก็ต้องคอยหลบๆซ่อนๆ ทำให้ลำบากใจ ไม่กล้าเข้าหน้าคน ชีวิตขาดความมั่นใจในตนเอง จะทำอะไรก็เป็นเหมือนวัวสันหลังหวะ มีบาดแผลที่ไม่ยอมหายสักที ต้องคอยเสแสร้งต่อหน้าสาธารณะและชีวิตส่วนตัวไม่พัฒนาดีขึ้นเลย
ค. เราจะกลายเป็นคนที่ระมัดระวังคำพูดคำจา ไม่คล่องแคล่วเหมือนเมื่อก่อน จะพูดจะบอกอะไรใครก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ก็เลยกลายเป็นคนไม่ยอมพูดจากับใครง่ายๆ
ง. เราก็จะไม่ไว้วางใจใคร เราไม่เชื่อใจใครง่ายๆ เรามองคนในแง่ร้าย วิพากวิจารณ์เพื่อนบ้านในทางลบ ชีวิตเรากลายเป็นคนขี้ระแวง เราเป็นไปตามกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวของเราเอง
จ. เราเริ่มทำตัวเหนือคนอื่น คิดว่าใครๆเขาก็โกหกกัน สุดท้าย เราก็ไว้ใจตัวเราเองไม่ได้เฃ่นกัน เลยอยู่ในโลกของตัวเราเองโดยลำพัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น